วันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ตำนานเสื้อเบอร์ 7 ปีศาสแดง

หมายเลขอาจบอกถึงตำแหน่งของผู้เล่น ความดัง ความเก่ง ความหล่อ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทีมนั้นๆ จะยกสาเหตุขื้นมาพูดถึง เช่นเดียวกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสื้อหมายเลข 7 นั้น ใช่ว่าใครจะใส่กันได้ง่ายๆ มันมีที่มาที่ไปของความป๊อปปูล่าร์ของหมายเลขนี้
นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันจะต้องมีเหตุผลรองรับแน่นอนถึงทำให้ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจมอบเสื้อตัวนี้ให้บรรดานักเตะตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เรามาดูกันดีกว่าว่า 'ใคร' เคยใส่เสื้อหลายเลขนี้ให้กับแมนยูบ้าง

1. จอร์จ เบสต์ (1963-1974)
ชายผู้ที่ผมเกิดไม่ทันดูเขาเล่นสดๆ ในสนาม ชายผู้นี้คือซุปเปอร์สตาร์หมายเลข 7 คนแรกของปีศาจแดง เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีก 1 ครั้ง และยูโรเปี้ยนคัพ 1 ครั้ง ก่อนย้ายออกจากทีมด้วยวัยเพียงแค่ 27 ปี และได้รับฉายาว่า 'เทพบุตรมหาภัย' ใครจินตนาการไม่ออกว่าจอร์จ เบสต์ เก่งขนาดไหน ว่างๆ ลองเข้า youtube และเสิร์ซชื่อของเขา แล้วคุณจะพบกับคำตอบนั้นแค่ปลายนิ้วคลิก คิดเอาเองแล้วกันว่า มีประโยคสุดคลาสสิกในวงการฟุตบอลวลีหนึ่งบอกเอาไว้ว่า "มาราโดนาก็ดี, เปเล่ อาจจะดีกว่า, แต่เบสต์นั้น ดีที่สุด(BEST)"
จอร์จ เบสต์ เสียชีวิตลงด้วยอายุ 59 ปี เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2548 ด้วยอาการปอดติดเชื้อ

2. ไบรอัน ร็อบสัน (1981-1994)
คนนี้ก็อีกนั่นแหละที่ผมยังเกิดไม่ทัน อาจเรียกได้ว่าเขาผู้นี้ 'ร็อบโบ้' เป็นกัปตันทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร เขาอยู่กับทีมมาถึง 13 ปี ลงเล่นไปเกือบ 500 นัด ยิงไปทั้งหมด 99 ประตู ตัวเลขสวยสดงดงามเสียจริง และคว้าแชมป์อีกนับไม่ถ้วน เขายังเป็นเจ้าของสถิตินักเตะค่าตัวแพงที่สุดของอังกฤษในสมัยนั้น โดยย้ายจากเวสต์ บรอมวิช อัลเบียน มาอยู่กับทีม เมื่อปีค.ศ.1981 ด้วยค่าตัวราว 1.5 ล้านปอนด์
ไบรอัน ร็อบสัน วัย 52 ปี ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นทูตสโมสรให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

3. เอริค คันโตนา (1992-1997)
และแล้วก็มาถึงคนที่ผมเกิดทันได้ดูพอดี ชายคนนี้ไม่ใช่ผู้วิเศษ ชายคนนี้ไม่ได้มีอยู่ในนิยาย แต่เขามีอยู่จริง! เมื่อปีค.ศ.2000 เขาได้รับการโหวตจากแฟนๆ ของทีมให้เป็น 'นักฟุตบอลแห่งศตวรรษ' พวกเขาเรียกคันโตนาว่า 'เอริค เดอะ คิง' แฟนๆ เทิดทูนเขาแค่ไหน ก็คิดเอาเองแล้วกัน ขนาดวันที่เขากระโดด 'กังฟูคิก' ใส่แฟนบาลปากหมาของทีม คริสตัล พาเลซ แฟนๆ ยังไม่ว่าเขาสักคำ แถมยังสะใจอีกต่างหาก(ผมก็ด้วย) ก่อนการมาของเขา แมนยูกำลังทำผลงานได้ตกต่ำ แต่เขาขี้ม้าขาวเข้ามาเขียนเรื่องราวใหม่ทั้งหมด เพราะนอกจากจะเป็นคนยิงประตูระเบิดระเบ้อแล้ว เขายังเปิดบอลถวายพานให้เพื่อนทำประตูได้อีกด้วย จนเมื่อปีค.ศ.1997 เขาประกาศแขวนสตั้ดแบบช็อกแฟนบอล หลังพาทีมชวดแชมป์แค่ครั้งเดียวในรอบ 5 ปี
ในงานแถลงข่าวหลังเหตุการณ์กังฟูคิก กลุ่มนักข่าวพากันมารอสัมภาษณ์คันโตนา ซึ่งเขาได้เดินเข้ามานั่ง ก่อนจะพูดว่า "เมื่อนกนางนวลบินตามเรือประมง ก็เพราะพวกมันคิดว่าปลาซาร์ดีนจะถูกโดยนลงมาในทะเล" แล้วก็ลุกออกไปจากห้องทันที
ปัจุจบัน เอริค คันโตน่า วัย 43 ปี หันมาเอาดีทางด้านการแสดงกับภาพยนตร์เรื่อง Looking For Eric

4. เดวิด เบคแฮม (1993-2003)
10 ปีเต็มที่อยู่ในถิ่นโอล์แทรฟฟอร์ด เบคแฮมก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ครั้งแรกใส่เบอร์ 24 ก่อนจะเปลี่ยนไปเป็นเบอร์ 10 และเมื่อ 'ก็องโต' เลิกไป เฟอร์กูสัน เลือกให้หนุ่มเบคใส่เบอร์ 7 แทน จากนั้นเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง จุดเด่นที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวคือการเปิดบอลที่แม่นยำ และลูกยิงฟรีคิกที่มหัศจรรย์ ที่ยังไม่มีใครทำได้ดีเท่าจนถึงทุกวันนี้ เขาลงเล่นให้ทีม 265 นัด ยิงไป 62 ประตู คว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพ 6 ครั้ง และยูฟ้า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 ครั้ง แต่ความเป็นซุปเปอร์สตาร์และภรรยา ทำให้เขามีปัญหากับเซอร์อเล็ก และย้ายไปค้าแข้งให้กับทีมยักษ์ใหญ่แดนกระทิงอย่าง รีล มาดริด พี่เบคนี่ยิ่งแก่ยิ่งหล่อว่าไหมครับ?
ปัจจุบัน เบคแฮม วัย 34 ปี เล่นให้กับสโมสรแอลเอ แกแลกซี่ ในเมเจอร์ ลีก ของอเมริกา

5. คริสเตียโน โรนัลโด (2003-2009)
นาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จักเขา 'ไอ้เจ็ทโด้' จอมสับสยองโลก ครั้งแรกที่เล่นให้กับยูไนเต็ด โรนัลโด อยากใส่เบอร์ 28 แต่เป็นเฟอร์กี้มีมอบเบอร์ 7 ให้ ตอนนั้นท่านเซอร์คิดอะไร ไม่มีใครรู้ แต่ในที่สุดโลกก็ต้องทึ่งกับความสามารถ และความสำเร็จของเขา นักเตะที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในโลกคนนึงในชณะนี้ เขาพาทีมกวาดแชมป์ลีก 3 ปีรวด ในปีค.ศ.2007, 2008, 2009, และแชมเปี้ยนส์ ลีก ปีก่อน ก่อนที่จะย้ายไปล่าฝันกับ รีล มาดริด ในฐานะนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกที่เคยมีมา แฟนบอลอาจจะไม่ปลื้มกับการจากไปของเขา แต่สิ่งนึงที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธแน่ว่า นี่คือตำนานอีกบทหนึ่งในถิ่นเร้ด เดวิลส์
ปีที่แล้วโรนัลโด้คว้ารางวัล รองเท้าทองคำ(ดาวซัลโวสูงสุด), นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟิฟโปร, นักฟุตบอลยอดเยี่ยมของฟีฟ่า, ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำปีของสมาคมนักฟุตบอลอาชีพอังกฤษ ซึ่งการันตีคุณภาพคับแก้วได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน โรนัลโด้ วัย 24 ปี มีค่าตัวแค่ 80 ล้านปอนด์เท่านั้นเอง!

6. ไมเคิล โอเว่น (2009-20??)
'เบบี้ โกลล์' คือตำนานของคู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูล ด้วยคาตัวที่ถูกแสนถูกเต็มที่ไม่เกิน 50,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แถมยังมีออพชั่น 'จ่ายเท่าที่ลง' หรือ 'จ่ายเท่าที่ยิง' อีกต่างหาก นี่เป็นอีกตัวอย่างนึงที่พิสูจน์ให้เห็นถึงสายตาอันเฉียบคาดของเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสัน ที่สำคัญโอเว่นตอบแทนความไว้ใจของเซอร์ ด้วยการลงเล่นเพีลงแค่ 2 นัดแรก แต่ทำได้ถึง 2 ประตู พูดถึงโอเว่นนั้นเขาเก่งแต่เด็กและใช้ร่างกายหักโหมมาตลอด ทำให้ต้องบาดเจ็บซ้ำซาก แต่แมนยูก็ยังลงเดิมพันกับเขา เพื่อที่จะให้โอกาสได้พิสูจน์ฝีเท้าว่ายัง 'มีดีพอ' นี่อาจจะเป็น 'รถไฟขบวนสุดท้าย' ของเขาก็ได้ จึงไม่แปลกที่จะบอกว่าฤดูกาลหน้าที่จะมาถึง อาจเป็นฤดูกาลที่สำคัญที่สุดในชีวิต ถ้าอาการบาดเจ็บไม่รุมเล้าและสามารถเค้นฟอร์มออกมาได้ เชื่อผมเหอะ ที่สุดแล้วมีชอยส์ให้โอเว่นเลือกเพียงแค่สองข้อ หนึ่ง-เขาอาจจะกลับมาเป็นเจ้าหนูมหัศจรรย์อีกครั้ง หรือสอง-เขาคงก้มหน้ารับสภาพและแขวดสตั๊ดไปอย่างเหงาๆ
โอเว่นจะเป็นอีกคนที่บันทึก 'ตำนาน' บทใหม่แห่งโอลด์แทรฟฟอร์ด ได้หรือไม่ โปรดติดตาม..
ถึงโอเว่นเคยอยู่ลิเวอร์พูล แต่ผมก็ไม่เคยเกลียดเขา สิ่งที่โอเว่นต้องการในเวลานี้ไม่ใช่ชื่อเสียงหรือว่าเงินทอง แต่มันคือ 'โอกาส' ที่เซอร์อเล็กซ์ หยิบยื่นให้ในวัยย่าง 30 ปี มันคือของขวัญที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งไหนๆ
ของขวัญชิ้นนั้นมีชื่อว่า 'ฟุตบอลเพลเยอร์'

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น